วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556
Seed Gundam
ไฟแห่งสงครามที่ครุกกรุ่นกำลังจะโหมกระพือในอีกไม่นานนี้..เรื่องราวเกี่ยวกับสงครามระหว่าง เนเชอรัล และ โคออร์ดิเนเตอร์. โคออร์ดิเนตอร์ หรือ มนุษย์ที่ได้รับการตัดต่อพันธุกรรม ให้มีความสามารถสูงขึ้นกว่าปกติ ในขณะที่ เนเชอรัล หรือ มนุษย์ซึ่งเกิดตามแบบธรรมชาติ เริ่มมีความอิจฉาริษยาในความสามารถของพวกเขา ความอิจฉาริษยานั้นแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียด และก่อให้เกิดกลุ่มผู้ต่อต้านโคออร์ดิเนเตอร์หรือ บลูคอสมอส (Blue Cosmos) เพราะเหตุนี้ เหล่าโคออร์ดิเนเตอร์จึงได้สร้างโคโลนี่ในอวกาศขึ้นมาเรียก แพลนท์ (PLANT : Productive Ally on Nexus Technology) และเพราะเหตุนี้ทำให้โคออร์ดิเนเตอร์ที่เคยอาศัยบนโลกนั้น เริ่มเหลือน้อยลงทุกที
ในที่สุด ไฟแห่งสงครามก็ระเบิดขึ้น ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ CE (Cosmic Era) 70 สามวันหลังจากการประกาศสงครามระหว่างฝ่ายสหพันธ์โลก (OMNI : Oppose Militancy & Neutralize Invasion Enforcer) และ กองทหารของเหล่าโคออร์ดิเนเตอร์ หรือ ซาฟท์ (ZAFT : Zodiac Alliance of Freedom Treaty) ฝ่ายสหพันธ์โลกเริ่มโจมตีแพลนท์เป็นครั้งแรก และใช้อาวุธนิวเคลียร์ทำลายโคโลนี่ที่มีชื่อว่า "ยูนิอุสเซเว่น (Junius Seven) " ซึ่งเป็นแพลนท์ทางด้านเกษตรกรรม ผู้คนบริสุทธิ์กว่า 200,000 ราย ต้องเสียชีวิต (243,721 คน) จนถูกกล่าวขานว่าเป็นเหตุการณ์ " วาเลนไทน์ เลือด (Bloody Valentine) " ทำให้ฝ่ายแพลนท์ตัดสินใจใช้ N-Jammer (Neutron Jammer) ซึ่งสามารถหยุดการเคลื่อนไหวของอนุภาคนิวตรอน ทำให้ยับยั้งปฏิกิริยานิวเคลียร์ได้ โดยแพลนท์ยิงฝัง N-Jammer ลงใต้พื้นดินทั่วโลก ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนพลังงานอย่างมาก และคลื่นวิทยุบนโลกก็ถูกรบกวนจนใช้การได้ลำบาก
ไฟแห่งสงครามที่ก่อตัวขึ้น และจบลงในอีก 11 เดือนต่อมา โดยฝ่ายแพลนท์ได้รับชัยชนะในหลายๆ พื้นที่ในโลก ซึ่งหลังจากสงครามครั้งนี้สงบลง เรื่องราวต่างๆ ก็เริ่มต้นขึ้น
คิระ ยามาโตะ ตัวเอกของเรื่อง เป็นนักเรียนวิศวกรรมหุ่นยนต์ของเฮลิโอโพลิส (Heliopolis) โคโลนี่ของออร์บ ซึ่งเป็นประเทศเป็นกลาง ที่กำลังใช้ชีวิตวัยเรียนอย่างสงบสุข จนกระทั่งถูกฝ่ายซาฟท์ที่นำโดยพันเอกครูเซ่เข้าโจมตี หลังจากค้นพบว่า ออร์บได้พัฒนาโมบิลสูทและยานรบรุ่นใหม่(อาร์คแองเจิ้ล) ร่วมกับสหพันธ์โลกภายในโรงงานหลักของมอร์เก้นเรท (Morgenroete) โดยซาฟท์มีจุดประสงค์ที่จะขโมยโมบิลสูททั้ง 5 เครื่อง (สไตรค์, ดูเอล, บัสเตอร์, อีจิส และบลิทซ์) ยกเว้นเพียงตัวสุดท้ายเท่านั้นที่คิระบังเอิญได้ขึ้นบังคับ นามของมันคือ สไตรค์ จนกระทั่งนำไปสู่สงครามกับเหล่าโมบิลสูทอีก 4 เครื่องที่เหลือ โดยคิระเรียกชื่อโมบิลสูท สไตรค์ว่า "กันดั้ม (Gundam) " จากตัวอักษรนำหน้าข้อความที่ปรากฏในมอนิเตอร์ห้องนักบินตอนเข้าระบบปฏิบัติการของโมบิลสูท คิระ ซึ่งเป็นโคออร์ดิเนเตอร์ ได้แสดงความสามารถปรับเปลี่ยนระบบปฏิบัตการที่ยังไม่สมบูรณ์ของสไตรค์ในเวลาคับขัน จนเขาสามารถบังคับสไตรค์ต่อสู้กับหุ่นจินน์ของซาฟท์ได้ เพื่อปกป้องเพื่อนๆของเขา และหาหนทางยุติสงครามครั้งนี้
และมี 2 เล่มที่เป็น Side Story ที่เป็นเหตุการณ์ย่อยๆของ คิระกับอัศธรันด้วย
Gundam Seed Destiny
เรื่องราวเกิดขึ้นจากผลกระทบของสงครามระหว่างกองทัพโลกและกองทัพซาฟต์ในสงครามครั้งก่อน เมื่อ ออร์บ ประเทศเป็นกลางโดนกองทัพโลกบุกโจมตีเพื่อยึดโรงงานโมบิลสูทมาเป็นของตัวเอง เพื่อใช้ในการผลิตโมบิลสูทต่อสู้กับกองทัพซาฟต์และนำเทคโนโลยีของออร์บมาใช้ ในขณะนั้นเองตัวเอกของเรื่อง ชิน อาสึกะ นั้นก็ได้รับผลกระทบจากสงครามที่เกิดขึ้นจนทำให้เสียครอบครัวอันเป็นที่รักไป ต่อมาในภายหลังก็ได้อพยพย้ายไปอยู่ที่ แพลนท์ และได้รับการคัดเลือกให้เป็นนักบินของซาฟต์ในการขับหุ่นกันดั้มรุ่นใหม่ของซาฟต์ อิมพัลส์กันดั้ม และด้วยเหตุอันสุดวิสัยจึงต้องเข้ามาเกี่ยวกับสงครามครั้งใหม่ที่เกิดจากการจู่โจมของหน่วยลับบลูคอสมอส นำโดยพันเอกนีโอ ลอร์นอร์ค ได้ขโมยกันดั้มรุ่นใหม่ของทางซาฟต์ไปถึง 3 เครื่อง เคออสกันดั้ม ไกอากันดั้ม อาบิสกันดั้ม ซึ่งในขณะนั้น อัสรัน ซาล่า และ คางาริ ได้อยู่ที่แพลนท์ด้วย ทำให้ทั้งสองต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับสงครามที่จะประทุขึ้นมาครั้งใหม่ ทั้งการก่อการณ์ร้ายของเหล่าโคออดิเนเตอร์ที่แพ้สงครามครั้งก่อน และยังยึดมั่นในอุดมคติของ แพททริก ซาร่า ทำให้พวกเขาส่ง ยูนิอุส เซเวน (JUNIUS SEVEN) ตกลงสู่โลก ทั้งการที่หน่วยลับของโคออดิเนเตอร์พยายามสังหาร ลักส์ ไคลน์ การตัดสินใจของคิระและอัสรันในสงครามที่สวนทางกัน ทั้ง ๆ ที่ความตั้งใจของเขาทั้งสองเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เหตุการณ์จึงยิ่งเลวร้ายยิ่งขึ้น เมื่อบลูคอสมอสยื่นมือเข้ามาในสงครามนี้ และ ออร์บ ที่เข้าไปเป็นพันธมิตรกับ สหพันธ์แอตแลนติก
Gundam Seed Astray
กันดั้มซี้ด แอสเทรย์ เป็นมังงะอีกหนึ่งซีรี่ย์ที่เนื้อเรื่องควบคู่ไปกับโมบิลสูทกันดั้มซี้ด โดยกล่าวถึงกันดั้มลับ 3 เครื่องตระกูล Astray Serie ของอาณาจักรออร์บ ที่ถูกสร้างอย่างลับๆที่เดียวกับที่สร้างกันดั้มตระกูล Gat-X Serie โดยที่กองทัพโลกไม่รู้เห็น หลังจากเหตุการณ์สเปซโคโลนีเฮลิโอโปลิส ล่มสลายเพราะการสู้รบระหว่างกองทัพโลกกับซาฟภายในสเปซโคโลนีเฮลิโอโปลิส นักกู้ซากชื่อว่า โลว์ กิล ซึ่งมากับยานนักกู้ซาก ได้มาพบชิ้นส่วนแขนขวาของกันดั้ม P01-Gold Frame (Gundam Astray Gold Frame) และกันดั้มที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่ชื่อว่า กันดั้ม P02-Red Frame (Gundam Astray Red Frame) และกันดั้ม P03-Blue Frame (Gundam Astray Blue Frame) และหลังจากนั้นตัวโลว์ กิล ก็ได้พบกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกลายปรากฏตัวของไก มุราคุโมะ หัวหน้าทหารรับจ้างกลุ่มเซอร์เพนต์ เทล ซึ่งจะมาเป็นนักบิน Gundam Astray Blue Frame การปรากฏตัวของ Gundam Astray Gold Frame รวมทั้งความลับที่ไม่ได้กล่าวไว้ในซีรี่ย์ปกติและเรื่องราวทั้งหมดนี้จะเป็นเหตุการณ์ที่จะควบคู่ไปกับเนื้อเรื่องของโมบิลสูทกันดั้มซี้ด ตั้งแต่ช่วงแรกจนถึงตอนสุดท้ายของเรื่อง
เรื่องราวของซีรี่ย์ แอสเทรย์ จับเอาภาพของอีกด้านหนึ่งของสงครามระหว่างเนเญอรัลกับโคออร์ดิเนเตอร์ผ่านทางโลว์ กิล และกลุ่ม Junk Shop(กลุ่มนักกู้ซากหรือกู้ขยะที่หลงเหลือจากสงคราม)โลว์ได้พบกับเหตุการณ์ต่างๆมากมาย โดยบางช่วงของเรื่องจะสามารถนำไปผูกกับเนื้อเรื่องของภาคหลักด้วย อย่างเช่นเรื่องที่ทำไม คิระ ยามาโตะ ถึงรอดมาจากการระเบิดของอีจีส...เนื้อเรื่องของแอสเทรย์จะดำเนินเรื่องไปควบคู่กับเนื้อเรื่องหลัก มีตัวละครมากมายที่บางตัวก็ยังเชื่อมไปสู่เนื้อเรื่องหลักได้เช่นกัน
Gundam Seed Astray X
ตัวเอก เพรย์ เลเวรี่ ขับกันดั้ม เดรทน๊อท ตอน หลัง เปลี่ยนชื่อเป็น Astray X
เนื่อเรื่องเกิดจากทางโลกเกิดสภาวะขาดเเคลนพลังงาน เนื่องจากพลังงานนิวเคลียร์นั้นโดนฝ่ายชาฟคิดอาวุธที่ทำให้ทั้งโลกไม่สามารถใช้พลังงานนิวเคลียร์ได้ที่ปรึกษามัลคิโอ จึงได้ไว้วานให้ เพรย์ เลเวรี่ แอบไปนำกันดั้ม เดรทน๊อท ที่มาทางชาฟได้ทำการพัฒนาขึ้นมายังโลก โดยไปในลักษณะของจังค์กิล เเต่ระหว่างทางถูกทาง ไก คนขับ Gundam Astray Blue มาขโมย ตัวนิวตรอนเเจมเมอร์เเคนเซิลไปทำให้ ทาง ลอว์ กิล คนขับ Gundam Astray Red ของจังค์กิล ต้องเข้ามาช่วย ซึ่งพอฝ่ายพันธมิตรโลกทราบข่าว กันดั้มที่สามารถใช้พลังงานนิวเคลีรย์ได้ จึงคิดหาทางจะขโมยเทคโนโลยีนี้มาใช้เอง โดยการส่ง คาร์นาร์ด พาร์ส ร่างโคลน ของ ซุปเปอร์ คอโอดิเนเตอร์ ของ คิระ ยามาโตะ ขับกันดั้ม ไฮเปอร์เรี่ยน มาเเย่งชิงอีกคน
Gundam Seed Frame
ตัวเอก โทโรยะ คนขับ Gundam Green Astray
เนื้อเรื่องเป็นเรื่องราวของ กลุ่มเซอร์เพน เทล ของ ไก ผู้ขับ กันดั้ม บลูเฟรนม ที่ทาง พันธมิตรได้จ้างมาเพื่อ ต่อสู้กับ ชาฟ เพื่อเเย่งชิงดินเเดนของพวกเกลิล่า ของโทโรยะ คนขับกันดั้ม Green Astray แต่ด้วยสงครามที่ยืดเยื้อจึงทำให้ ทางฝ่ายสหพันธ์ได้เรียกตัวช่วย รูกัส โอโดเนล และ จิสต์ เอลเวส มา
เสริมทัพในการยึดพื้นที่ซึ่งทาง ชาฟ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจได้เรียกตัวช่วยมาเสริมกำลังเหมือนกัน ซึ่งตอนหลังทั้งสามคนที่เป็นตัวช่วยเสริมทัพนี้เป็นพวกบ้าสงครามได้ขโมย ไลโก กันดั้ม จากทางชาฟ ไป ทำให้ทั้งสามฝ่ายเริ่มที่จะตระหนักถึงผลของสงครามเเละต้องการที่จะเจรจาขอยุติสงครามในพื้นที่นี้ จึงเป็นหน้าที่ของ ซาเพนเทล เเละ โทโรยะ ที่จะต้องมาเก็บกวาดคนทรยศที่บ้าสงครามในครั้งนี้
Gundam Seed Destiny Astray
ตัวเอกเป็นนักข่าวที่เข้าไปทำข่าวโดยขับเจ้าหุ่นกันดั้ม เอ้าเฟรม ไปเก็บภาพตามที่ต่างๆ เกี่ยวกับสงครามระหว่าง สหพันธ์โลกกับซาฟที่เป็นฝ่ายอวกาศ
(เนื้อเรื่องยังไม่จบครับ)
Gundam Seed C.E.73 Delta Astray
เรื่องราว Side Story Seed Gundam ของหนุ่มน้อย อัคเนส ที่ขับ หุ่นเดลต้ากันดั้มเข้าสู้สงคราม
Gundam Seed Stargazer
หลังจากการตกของยูนิอุสเซเว่นตามเนื่อเรื่องหลักของภาค กันดั้มซี้ดเดสทินี กองทัพโลกได้จัดกำลังพลออกไปช่วยเหลือเหล่าผู้คนที่รับเคราะห์จากวินาศภัยครั้งนี้ ในขณะเดียวกัน เซเลเน่ แมคกริฟ พนักงานของหน่วยงานบุกเบิกอวกาศ DSSD (Deep Space Survey and Development Organization) ก็หาทางกลับไปยังสถานีอวกาศของทาง DSSD เพื่อทำการทดสอบโมบิลสูทรุ่น 401 หรือที่รู้จักกันภายหลังว่า "สตาร์เกเซอร์ (GSX-401FW Stargazer)" เพื่อใช้ในการสำรวจอวกาศ
อีกด้านหนึ่งกองกำลังอิสระที่ 81 หรือ "แฟมทอมเพน" (Phantom Pain) ก็ได้ส่งทีมของ สเวน คาล บายันผู้ขับโมบิลสูท "สไตรค์ นัวร์" (GAT-X105E Strike Noir) ให้นำลูกทีมอีกสองคนที่ขับ "บลูดูเอล" (GAT-X1022 Blu Duel) และ "เวอร์เด้บัสเตอร์" (GAT-X103AP Verde Buster) ไปต่อต้านการโจมตีจากกองกำลังที่คาดว่าจะเป็นทหารของซาฟต์ ที่บุกเข้าโจมตีสถานที่ต่างๆในระหว่างที่โลกเกิดความวุ่นวาย คนทั้งสองที่เหมือนจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน แต่สุดท้ายด้วยการชี้นำของชะตากรรมและผู้เฝ้ามองดาวทำให้คนทั้งสองต้องมาพบกันในที่สุด
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น